ความแตกต่างของการกรองแบบ
In-line และ Off-line
รูปที่ 1: ตำแหน่งของกรองแบบ In-line และ By-pass
การกรองแบบ In-line
-
มีการติดตั้งอุปกรณ์ในการกรองเข้ากับท่อน้ำมันหลัก ในภาพด้านบนคือ 1 และ 7
-
มีแรงดันในการกรองสูง
-
เป็นการกรองในขณะที่มีการไหลรุนแรง (Turbulent flow) ภายในตัวกรอง
-
เป็นการกรองแบบเต็มอัตราการไหลของปั๊ม
การกรองแบบ Off-line
-
ทำการดึงน้ำมันจากถังน้ำมันมากรองอย่างช้า ๆ (หรือตามอัตราการไหลที่กำหนด) ในภาพด้านบนคือ หมายเลข 8
-
มีแรงดันในการกรองต่ำ
-
เป็นการกรองแบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับอัตราการไหลของปั๊มในเครื่องจักร
-
มีประสิทธิภาพในการกรองสูงกว่า การไหลผ่านไส้กรองเป็นแบบราบเรียบ (Laminar Flow)
Off-line ฟิลเตอร์คืออะไร
ฟิลเตอร์แบบ Of-line เป็นระบบที่เพิ่มเข้ามาใช้ร่วมกับฟิลเตอร์แบบ In-Line เพื่อกรอง อนุภาคขนาดเล็กที่ฟิลเตอร์แบบ In-Line กรองไม่ได้ เนื่องจากฟิลเตอร์แบบ In-Line เป็นการกรอง แบบเต็มอัตราการไหลถ้าหากอัตราการไหลสูง ขนาดของฟิลเตอร์จะต้องใหญ่เพื่อรองรับ อัตราการไหลที่ผ่านเข้ามา ซึ่งราคาจะค่อนข้างสูงมาก โดยทั่วไปฟิลเตอร์แบบ In-Line จะกรอง อนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 3-10 ไมครอน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกก่อนเข้าระบบคอนโทรล ส่วนฟิลเตอร์แบบ Off-line จะมีอัตราการไหลที่สามารถเลือกได้ และสามารถเลือกขนาดกรองอนุภาคได้
ทำไมจึงควรใช้ฟิลเตอร์แบบ In-line
อนุภาคขนาดเล็กที่ปะปนอยู่ในน้ำมันที่ไหลด้วยความเร็วสูงจะมีลักษณะคล้ายกับการพ่นทราย (Micro Sandblasting) บนผิวภายในเครื่องจักร จะทำให้เครื่องจักรสึกหรอเร็ว มีอายุการใช้งานสั้นลง ได้มีการศึกษาวิจัยและพบว่ากว่า 80% ของความเสียหายในระบบไฮดรอลิกมีสาเหตุมาจาก ความสกปรกของน้ำมัน
น้ำมันเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ฟิลเตอร์แบบ In-line จะทำให้น้ำมันมีอายุนานขึ้น และลดปริมาณน้ำมันที่ใช้แล้วได้ เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้ น้ำมันเสื่อมสภาพก็คือการปนเปื้อนด้วยอนุภาค และความชื้นในน้ำมัน
การกรองแบบ Off-line ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
1. แบบเคลื่อนที่ เป็นเครื่องกรองที่มีปั๊มในตัวซึ่งจะดูดน้ำมันจากถังน้ำมันมากรอง แล้วส่งคืนถังน้ำมันเดิม