Non-Compensated Flow Control
การควบคุมอัตราการไหลแบบที่ไม่มีการชดเชยความดัน
P
2
การหาอัตราการไหลที่ผ่านช่องแคบ(Orifice) สามารถคำณวนได้ตามสูตร คือ
GPM = 24.12xAx√
A = Orifice Area (in )
= Pressure drop (psi)
P
P
ที่จริงแล้วการใช้การควบคุมอัตราการไหลแบบไม่ชดเชยความดันนั้น จะจำกัดอยู่เฉพาะงานที่ความเร็วของตัวทำงาน (Hydraulic cylinder, Hydraulic
Motor) ไม่จำเป็นต้องคงที่ แต่ความดันที่เกิดจากโหลดค่อนข้างคงที่ สิ่งนี้เป็นจริงได้เพราะเมื่อความดันลดลงผ่านช่องแคบ(Orifice)จะทำให้ อัตราการไหลได้รับผลกระทบโดยมี 4 ตัวแปรดังนี้
-
การเพิ่มขึ้นของแรงดันโหลด ( Load Pressure ) ที่ทางออกของช่องแคบ( Orifice) จะเพิ่มความดันด้านทางออกด้วยเช่นกันและถ้าความดันขาเข้ามีค่าเท่าเดิมที่วาล์วปลดความดัน(Relief Valve) ผลที่เกิดคือความดันตกคร่อมที่ช่องแคบ(Orifice) จะลดลงเช่นกันจะทำให้ตัวทำงาน(Hydraulic Cylinder & Hydraulic Motor) มีความเร็วช้าลง เมื่อมีความดันโหลด(Load Pressure)เพิ่มขึ้น
-
การเพิ่มความดันด้านขาเข้า โดยการปรับค่าความดันที่วาลล์วปลดความดัน(Relief Valve) ให้สูงขึ้นจะมีผลให้ความดันตกคร่อมที่ช่องแคบ(Orifice) มีค่าเพิ่มขี้นสมมุติว่าแรงดันโหลด(Load Pressure) ที่ด้านขาออกมีค่าคงที่นั่นคือความดันยังคงมีค่าเท่าเดิมผลที่เกิดคือตัวทำงาน(Hydraulic cylinder & Hydraulic Motor)จะมีความเร็วเพิ่มขึ้น
-
ถ้าเราเปิดและปิดช่องแคบ(Orifice) ให้มากขึ้นหรือน้อยลงก็จะเป็นการเปลี่ยนความต้านทานต่อการไหล หมายความว่าที่ความต้านทานการไหลลดลง ความดันตกคร่อม(Pressure drop) ก็ลดลง อัตราการไหลที่ผ่านช่องแคบ(Orifice) ก็จะลดลงตามที่เราต้องการด้วย
-
อุณหภูมิมีผลต่อความหนืดของของไหล(Hydraulic oil) และความต้านทานต่อการไหล ตามที่เราทราบกันว่าน้ำมันที่ร้อนจะมีความหนืดน้อยกว่าน้ำมันที่เย็น น้ำมันที่ร้อนจะไหลผ่านช่องแคบ(Orifice) ได้มากกว่าน้ำมันที่เย็น นั่นคือเหตุผลที่ในเมืองหนาวระบบไฮดรอลิคจึงจำเป็นต้องมีตัวทำความร้อน(Heater) เพราะในช่วงเช้าอุณหภูมิจะค่อนข้างต่ำ ตัวทำงาน(Hydraulic Cylinder & Hydraulic Motor) จะไม่สามารถทำความเร็วได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเวลาปรกติ